ฟันผุ คืออะไร

ฟันผุ คือ การที่เนื้อฟันถูกทำลายจากกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเรารับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแป้ง และไม่ได้ดูแลความสะอาดช่องปากอย่างเหมาะสม

ตอนที่ 1 : ฟันผุเกิดจากอะไร

ตอนที่ 2 : อาการของฟันผุที่ควรสังเกต

ตอนที่ 3 : วิธีป้องกันฟันผุที่ได้ผลจริง

ตอนที่ 4 : อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันฟันผุ

ตอนที่ 5 : สรุป

ฟันผุ เกิดจากอะไร

ฟันผุ

1.) แบคทีเรียในช่องปาก

  • ในช่องปากของเรามีแบคทีเรียหลายชนิดอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Streptococcus mutans และ Lactobacillus เป็นแบคทีเรียหลักที่เกี่ยวข้องกับการเกิดผุของฟัน
  • แบคทีเรียเหล่านี้จะรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลาย ก่อตัวเป็นแผ่นเหนียวๆ ที่เรียกว่า คราบจุลินทรีย์ (Plaque) เกาะอยู่บนผิวฟัน

2.) อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต

  • เมื่อเรากินอาหารที่มีน้ำตาล (เช่น ขนมหวาน ลูกอม น้ำอัดลม) หรือคาร์โบไฮเดรต (เช่น ข้าว ขนมปัง) แบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์จะกินน้ำตาลเหล่านี้เป็นอาหาร
  • กระบวนการย่อยสลายน้ำตาลนี้จะทำให้เกิด กรด (Acid) ขึ้นมา

3.) กรดที่สร้างขึ้นมาทำลายฟัน

  • กรดที่แบคทีเรียสร้างขึ้นมามีความเป็นกรดสูงพอที่จะทำลายแร่ธาตุต่างๆ (เช่น แคลเซียม ฟอสเฟต) ที่เป็นส่วนประกอบของเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันอ่อนตัวลงและค่อยๆ กร่อนไป
  • กระบวนการนี้เรียกว่า การทำลายแร่ธาตุ (Demineralization)

4.) ระยะเวลาที่ฟันสัมผัสกับกรด

  • หากกรดสัมผัสกับผิวฟันเป็นเวลานานและบ่อยครั้ง ฟันก็จะถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ
  • น้ำลายสามารถช่วยชะล้างกรดและช่วยในกระบวนการคืนแร่ธาตุ (Remineralization) ได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าฟันได้รับกรดบ่อยเกินไปหรือไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ การผุก็จะดำเนินต่อไป

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งเสริมการเกิดฟันผุ

  • สุขอนามัยช่องปากไม่ดี: การแปรงฟันไม่ถูกวิธี ไม่ใช้ไหมขัดฟัน หรือไม่แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มีคราบจุลินทรีย์สะสม
  • การบริโภคน้ำตาลบ่อยครั้ง: โดยเฉพาะการจิบน้ำหวานบ่อยๆ หรืออมลูกอมเป็นเวลานาน
  • น้ำลายน้อย: น้ำลายช่วยล้างเศษอาหารและกรด รวมถึงมีแร่ธาตุช่วยซ่อมแซมเคลือบฟัน ผู้ที่มีน้ำลายน้อย (เช่น จากยาบางชนิด, โรคบางอย่าง) จึงมีความเสี่ยงสูง
  • ฟันที่มีร่องลึก: บริเวณร่องลึกบนฟันกราม หรือซอกฟันที่ทำความสะอาดยาก เป็นที่สะสมของเศษอาหารและแบคทีเรียได้ดี
  • ภาวะฟันสึกกร่อนจากกรด (Erosion): เช่น จากกรดในกระเพาะอาหาร (โรคกรดไหลย้อน) หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีกรดสูงบ่อยๆ ทำให้เคลือบฟันอ่อนแอลง
  • อายุ: เด็กเล็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงกว่า
  • การจัดฟัน: เครื่องมือจัดฟันอาจทำให้ทำความสะอาดฟันได้ยากขึ้น
  • การสูบบุหรี่: เพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพช่องปากหลายอย่าง รวมถึงฟันด้วย

อาการของฟันผุที่ควรสังเกต

ฟันที่ผุในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการใดๆ จนกระทั่งฟันเริ่มถูกทำลายลึกขึ้น การสังเกตสัญญาณเริ่มต้นสามารถช่วยให้คุณเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต ซึ่งอาการที่ควรจับตาดูมีดังนี้ เพิ่มเติม การเล่น หวยไว คั่นเวลาก็ช่วยได้ครับ

  1. เสียวฟันบ่อยผิดปกติ
  • หากคุณรู้สึกเสียวฟันขณะดื่มน้ำเย็นหรือทานของหวาน อาจเป็นสัญญาณว่าฟันเริ่มมีโพรงเล็กๆ จากฟันที่ผุกำลังลุกลามเข้าสู่เนื้อฟัน
  1. ปวดฟันเฉพาะจุด
  • มีอาการปวดหรือจี๊ดเป็นจุด ๆ โดยเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหาร หรือสัมผัสกับของร้อน-เย็น แสดงว่าอาจมีการอักเสบภายในเนื้อฟันจากการผุ
  1. มองเห็นจุดสีดำหรือสีน้ำตาลบนฟัน
  • จุดเหล่านี้อาจเป็นคราบแบคทีเรียหรือรอยผุเริ่มต้น หากจุดดำขยายกว้างหรือกลายเป็นรู ควรรีบพบทันตแพทย์
  1. ฟันเป็นรูหรือมีโพรง
  • ฟันที่ผุทำให้แบคทีเรียสะสมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากเรื้อรัง และอาจมีรสขมหรือโลหะในปากร่วมด้วย
  1. มีกลิ่นปากแม้แปรงฟันแล้ว
  • ฟันที่ผุทำให้แบคทีเรียสะสมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากเรื้อรัง และอาจมีรสขมหรือโลหะในปากร่วมด้วย
  1. เหงือกบวมหรือมีหนอง
  • หากฟันที่ผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่รากฟัน เหงือกบวม หรือเป็นฝีหนอง บางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย

วิธีป้องกัน ฟันผุ ที่ได้ผลจริง

ฟันผุ

1.) แปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ

  • วันละ 2 ครั้ง: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
  • ครั้งละ 2 นาที: ใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที เพื่อให้มั่นใจว่าทำความสะอาดทั่วถึงทุกซี่ ทุกด้าน
  • แปรงฟันถูกวิธี: วางแปรงทำมุม 45 องศา กับเหงือกและฟัน แปรงเบาๆ เป็นวงกลมสั้นๆ หรือขยับไปมาเล็กน้อย เน้นทำความสะอาดผิวฟันทุกด้าน รวมถึงลิ้นเพื่อลดแบคทีเรียและกลิ่นปาก
  • เลือกแปรงสีฟัน: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และเปลี่ยนแปรงทุก 3-4 เดือน หรือเมื่อขนแปรงบาน

2.) ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์

  • ฟลูออไรด์คือหัวใจสำคัญ: ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างเคลือบฟันให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ทนทานต่อกรดที่แบคทีเรียสร้างขึ้น และช่วยในกระบวนการคืนแร่ธาตุ (Remineralization) ให้แก่ฟันที่เริ่มผุ
  • ปริมาณฟลูออไรด์: สำหรับผู้ใหญ่ ควรใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อย 1,000 ppm (ส่วนในล้านส่วน) สำหรับเด็กควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสม

3.) ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง

  • สำคัญมาก: การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันให้หมด ก่อนจะมาเล่น หวยไว 
  • ก่อนนอน: ใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟันตอนกลางคืน เพื่อให้ยาสีฟันได้สัมผัสกับผิวฟันที่สะอาดขึ้น

4.) ควบคุมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

  • ลดความถี่: ไม่ใช่แค่ปริมาณ แต่ความถี่ในการกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลก็สำคัญ การจิบน้ำอัดลมหรือกินขนมหวานบ่อยๆ ทำให้ฟันสัมผัสกับกรดนานขึ้น
  • เลือกของว่างที่ดีต่อสุขภาพ: แทนที่จะกินขนมหวาน ควรเลือกผลไม้ ผัก นม หรือโยเกิร์ต
  • ดื่มน้ำเปล่า: ดื่มน้ำเปล่าหลังกินอาหารที่มีน้ำตาลเพื่อช่วยชะล้างเศษอาหารและกรด
  • เลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้: มีน้ำตาลและกรดสูง

5.) ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ

  • ตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูน: ไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก 6 เดือน (หรือบ่อยกว่านั้นตามคำแนะนำของทันตแพทย์) เพื่อตรวจสุขภาพฟัน ขูดหินปูน และรับคำแนะนำในการดูแลช่องปากที่ถูกต้อง
  • เคลือบฟลูออไรด์: ทันตแพทย์อาจพิจารณาเคลือบฟลูออไรด์เข้มข้นให้เป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเคลือบฟัน
  • เคลือบหลุมร่องฟัน (Dental Sealants): สำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีร่องฟันลึกบนฟันกราม ทันตแพทย์อาจแนะนำให้เคลือบหลุมร่องฟัน ซึ่งเป็นการเคลือบวัสดุบางๆ ลงไปในร่องฟันเพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารและแบคทีเรียเข้าไปสะสม ทำให้ผุได้ยากขึ้น

6.) ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ

  • น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์: สามารถใช้เป็นตัวช่วยเสริมหลังการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน แต่ไม่สามารถทดแทนการแปรงฟันได้
  • หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล: การเคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลหลังอาหารสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งช่วยชะล้างเศษอาหารและกรดได้

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกัน ฟันผุ

ฟันผุ
  • ขนมหวานและน้ำตาลสูง
  • น้ำอัดลมและเครื่องดื่มรสหวาน
  • ขนมเหนียว หนึบ ติดฟัน
  • แป้งขัดขาวและอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตง่าย
  • อาหารและเครื่องดื่มรสเปรี้ยวจัด
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สรุป

สุขภาพช่องปากเป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด เพราะการที่ไม่มีฟันหรือว่าฟันไม่แข็งแรงพอที่จะเคี้ยวหรือบดอาหาร นั่นเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากครับอาหารที่กินจะไม่อร่อยไปเลยและระบบการย่อยอาหารก็จะพังไปด้วย